ศาสตร์แห่งการตั้งชื่อ






ชื่อศาสตร์แห่งการตั้งชื่อ
เป็นสิ่งสำคัญเป็นอย่างยิ่งตั้งแต่เกิด จนกระทั่งแม้ลาจากโลกนี้ไป
ชื่อของคนดีก็ยังจาลึกไว้ในความทรงจำของผู้คน
คุณพ่อคุณแม่จึงต่างจัดเตรียมชื่อให้กับลูกน้อยของตนเองตั้งแต่ยังไม่ออกจาก
ครรภ์เลยทีเดียว บ้างให้พระท่านตั้งให้ บ้างให้ผู้เฒ่าผู้แก่ในบ้านตั้งให้
นั้นแสดงถึงความสำคัญของชื่อที่มีต่อคนเราเสมอมา
ในการตั้งชื่อในสมัยก่อนจนถึงปัจจุบันได้มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง
และมีรูปแบบที่หลากหลายครับ
ซึ่งในแต่ละรูปแบบก็มีหลักยึดถือปฏิบัติที่แตกต่างกันตามถิ่นที่อยู่
และความเชื่อที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา
โดยทั้งหมดต่างต้องการให้เกิดความเป็นสิริมงคล เป็นที่นิยมยกย่อง
และความเจริญรุ่งเรืองกับชีวิตของเจ้าของชื่อเป็นหลัก
ถึงแม้ศาสตร์แห่งการตั้งชื่อจะได้รับการศึกษา
และสั่งสอนกันสืบมาตั้งแต่โบราณ
หากแต่ไม่มีการกำหนดชื่อเรียกอย่างเป็นมาตรฐาน
บ้างเรียก"ศาสตร์แห่งการตั้งชื่อ" บ้างเรียก"วิชานามลักษณ์"
บ้างเรียก"นามศาสตร์" แล้วแต่ผู้ศึกษา และได้รับการประสิทธิประสาทวิชามา
ใน ที่นี้ผมขอเรียกว่า "นามศาสตร์" อันหมายถึงศาสตร์ที่นำมาประกอบเพื่อการตั้งชื่อ เพื่อความเข้าใจตรงกันนะครับ

เมื่อพิจารณานาม
ศาสตร์ที่มีการเขียนเป็นตำรา หรือคู่มือตั้งชื่อที่พบในร้านหนังสือต่าง ๆ
จะใช้หลักของภูมิทักษา (หรือทักษาปกรณ์, มหาทักษา) เป็นส่วนใหญ่
ซึ่งถือว่าเป็นพื้นฐานเริ่มต้น หากจะแตกแขนงออกเป็นศาสตร์ต่าง ๆ เช่น
เลขศาสตร์ ตุ๊กตาไขนาม เป็นต้น
ก็ยังคงอิงพื้นฐานจากหลักของภูมิทักษาทั้งสิ้น (ซึ่งเมื่อศึกษาลึกลงไป
จะพบว่าพื้นฐานจะมาจากดาวสิบดวงในโหราศาสตร์ไทยทั้งนั้น)
จากการที่ผมได้ศึกษาค้นคว้า "นามศาสตร์"
มากกว่า 10 ปี พบว่าชีวิตจะมั่งมี หรือประสบเหตุร้ายนั้น มิได้อยู่ที่
"อักษรกาลกิณี" เท่านั้น หากแต่อยู่ที่อิทธิพลของพลังดาวเป็นสำคัญ
ซึ่งศาสตร์ต่าง ๆ นั้นมีจุดเด่น
จุดดีที่แตกต่างกันในการคำนวณหาพลังดาวที่เป็นสิริมงคลแก่เจ้าชะตา
ผมจึงใคร่ขอสรุปเพื่อเป็นแนวทางเบื้องต้นใน
การศึกษาเพื่อคุณจะได้ตรวจสอบได้ว่า ชื่อที่คุณใช้อยู่นั้นดีร้ายประการใด
จัก ได้มั่นใจและแก้ไขได้ถูกจุด ทั้งนี้อย่าลืมว่าชื่อที่จะใช้นั้นควรเป็นชื่อที่เหมาะสมและถูกต้องทั้งในหลักโหราศาสตร์ และหลักโลกศาสตร์ (หลักความเป็นจริง: มีความหมาย ไม่ผิดหลักภาษา) ครับ เพราะชื่อที่ดีนำพาชีวิตให้ประสบความสำเร็จได้ส่วนหนึ่ง ดั่งมีคำกล่าวไว้ว่า
...................................................................

นามศาสตร์เบื้องต้น

ที่ควรศึกษาก่อนตั้งชื่อ - เปลี่ยนชื่อ มีดังนี้
+ภูมิทักษา

"ภูมิทักษา" เป็นหลักการตั้งชื่อตามอักษรวันเกิดซึ่งคนไทยทั่วไปนิยมยึดถือปฏิบัติกันมาก ที่สุด ตามที่โบราณาจารย์ท่านได้กำหนดให้การเวียนทางทักษิณาวัฏ หรือการเวียนขวาตามเข็มนาฬิกาเป็นมงคลในการประกอบพิธีต่าง ๆ นั้น จึงได้ถือกำเนิดเป็น "แผนภูมิทักษา" ขึ้น ซึ่งแบ่งออกเป็น ๘ ช่องตามทิศทั้ง ๘ คือ บูรพา อาคเนย์ ทักษิณ หรดี ประจิม พายัพ อุดร และอีสาน โดยเริ่มจาก ๑ แล้วเวียนทักษิณาวัฏไปทางหมายเลข ๒ ๓ ๔ ๗ ๕ ๘ และ ๖ ตามลำดับ

ทั้งนี้ "ทักษา" หมายถึงอัฏฐเคราะห์ หรือพระเคราะห์ทั้ง ๘ ได้แก่ พระอาทิตย์ พระจันทร์ พระอังคาร พระพุธ พระเสาร์ พระพฤหัสบดี พระราหู และพระศุกร์ ตามลำดับตัวเลขข้างต้น โดยเทวดาหรือเทพแต่ละองค์ต่างเป็นผู้รักษาทิศต่าง ๆ ประจำทิศซึ่งเป็นที่เกิด กล่าวคือ พระอาทิตย์เกิดทิศอีสาน พระจันทร์เกิดทิศอาคเนย์ พระอังคารเกิดทิศทักษิณ พระพุธเกิดทิศหรดี พระเสาร์เกิดทิศประจิม พระพฤหัสบดีเกิดทิศพายัพ พระราหูเกิดทิศ อุดร และพระศุกร์เกิดทิศอีสาน

นอกจากนั้นโบราณาจารย์ก็ได้แบ่งตัวอักษรเข้ากับตำแหน่งพระเคราะห์ทั้ง ๘ เป็น ครุฑนาม พยัคฆนามสีหนาม โสณนาม นาคนาม มุสิกนาม คชนาม และอัชนาม ดังปรากฏโครงสี่สุภาพกล่าวไว้ว่า

    อาทิตย์นาม ครุฑท้าวปักษี
จันทรนามพยัคฆีเบียฑเนื้อ
อังคารกล่าวนามมีสิงหราช
พุธสุนัขโดยเชื้อชาตินั้น เป็นนาม
    พฤหัสบดิ์ มุสิกนี้นามหนู
ศุกร์อัชนามสูแพะพี้
พระเสาร์อิศรเอกงูนามนาค
อสุรินทร์ท่านชี้คชช้าง นามแถลง

(อ้างอิง: หนังสือโลกธาตุ โดยพระสารประเสริฐ)


หากนำพระเคราะห์ ทิศ และนามประจำวันทั้งหมดมาประกอบกัน ก็จะแสดงได้ดังภาพต่อไปนี้









ที่กล่าวข้างต้นเป็นที่มาของแผนภูมิทักษาที่เห็นอยู่ใน ปัจจุบัน อาจเข้าใจยากนิดหน่อยนะครับ แต่อยากให้ทราบเป็นความรู้ไว้ ทั้งนี้หลักการนับวันตามทักษา ให้นับเวียนขวาเสมอ (ตามเข็มนาฬิกา) กล่าวคือ ใช้วันเกิดเริ่มต้นนับเป็น "บริวาร" เสมอ ตามทักษาดังนี้

บริวาร > อายุ > เดช > ศรี > มูละ > อุตสาหะ > มนตรี > กาลกิณี

โดยในแต่ละทักษามีความหมายดังนี้
ความหมายของทักษา

บริวาร หมายถึง บุตร สามี ภรรยา ผู้ใต้บังคับบัญชา รวมทั้งคนที่เราต้องให้ความอุปการะภายในครอบครัวเราทุกคน ด้วย
อายุ หมายถึง ชีวิต ความเป็นอยู่ ตลอดจนวิถีทางแห่งการดำเนินชีวิตของเรา
เดช หมายถึง อำนาจวาสนา เกียรติยศ ชื่อเสียง ตำแหน่งหน้าที่ การงาน ตลอดจนการศึกษาเล่าเรียน ความรักใคร่ เกรงกลัว
ศรี หมายถึง หลักทรัพย์สิน เงินทอง ของใช้สอย สิริมงคล โชคลาภ ที่ได้มาเป็นสิ่งของต้องใช้จ่ายและที่จะได้ในภายหน้า
มูละ หมายถึง หลักทรัพย์เดิมที่ได้รับเป็นมรดกตกทอดมาถึงตน และอยู่ในปัจจุบัน ตลอดฐานะญาติพี่น้องของเรา
อุตสาหะ หมายถึง ความขยันหมั่นเพียร การทำงาน ผลสำเร็จจากการงาน รวมถึงการมีหัวคิดริเริ่ม และทิฐิมานะ
มนตรี หมายถึง ผู้อุปถัมภ์ค้ำชูเรา อันอาจได้แก่ บิดามารดา อุปัชฌาย์ อาจารย์ ครู เจ้านาย และผู้ให้ความช่วยเหลือเราทุกคน
กาลกิณี หมายถึง ความชั่วร้าย ศัตรู คู่อาฆาต คนไม่ถูกกัน ความไม่ดีงามต่าง ๆ รวมทั้งอุปสรรคนานาประการที่มาในทางเลวร้าย

จากแผนภูมิให้เริ่มนับดังนี้เด็กที่เกิดวันอาทิตย์
เด็กที่เกิดวันจันทร์
เด็กที่เกิดวันอังคาร
เด็กที่เกิดวันพุธกลางวัน
เด็กที่เกิดวันพฤหัสบดี
เด็กที่เกิดวันศุกร์
เด็กที่เกิดวันเสาร์
เด็กที่เกิดวันราห ูหรือพุธกลางคืน


อ และสระทั้งหมด
ก ข ค ฆ ง
จ ฉ ช ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
ศ ษ ส ห ฬ ฮ
ด ต ถ ท ธ น
ย ร ล ว


เป็นบริวาร
เป็นบริวาร
เป็นบริวาร
เป็นบริวาร
เป็นบริวาร
เป็นบริวาร
เป็นบริวาร
เป็นบริวาร


ทั้งนี้การนับวันตามแบบโหราศาสตร์ไทย และแบบสากลมีความแตกต่างกันครับ โดยการนับแบบโหราศาสตร์ไทยจะถือเอาเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นถึงเวลาพระ อาทิตย์ตกเป็นเวลากลางวัน และเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ตกถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นใหม่เป็นเวลากลางคืน รวมเป็นหนึ่งวัน ตามหลักนี้จึงถือว่าเวลาพระอาทิตย์ขึ้นเป็นวันใหม่ แต่เวลากลางคืนก่อนรุ่งสว่างยังคงเป็นส่วนของวันก่อน ดังนั้นจะเริ่มนับวันใหม่ตั้งแต่เวลา ๐๖.๐๐ น. (๖ โมงเช้า) ซึ่งหากจะตั้งชื่อให้ตรงกับวันให้พิจารณาถึงวันเกิดตามหลักโหราศาสตร์ไทย ด้วยครับ และที่พิเศษคือ วันพุธจะมีพระเคราะห์ครองเป็น ๒ ระยะ คือแบ่งออกเป็นพระพุธ (พุธกลางวัน) นับตั้งแต่ ๐๖.๐๐ น. - ๑๗.๕๙ น. และพระราหู (พุธกลางคืน) นับตั้งแต่ ๑๘.๐๐ น. - ๐๕.๕๙ น.ของวันถัดไปครับ

ตามธรรมเนียมแต่โบราณกล่าวไว้ในหลายตำราเกี่ยวกับวรรคอักษรที่นำมานำหน้า ชื่อ เวลาตั้งชื่อนิยมใช้อักษรในวรรคเดช หรือวรรคมนตรีมานำหน้าชื่อเพศชาย และใช้อักษรในวรรคศรี หรือวรรคมนตรีมานำหน้าชื่อเพศหญิง ปัจจุบันจะเลือกใช้อักษรในวรรคใดนำหน้าก็ได้ แต่โดยส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญแก่วรรคเดช วรรคศรี และวรรคมนตรีอยู่ แต่จะมีการใช้วรรคมูละบ้าง โหราจารย์บ้างท่านกล่าวว่าควรให้ความสำคัญกับการเงินการทอง ซึ่งเหมาะกับสถานการณ์ปัจจุบัน (โดยส่วนตัวผมให้ความสำคัญกับวรรคเดช วรรคศรี เพราะถือว่าเป็นคุณติดตัวครับ คนดีมีสิริมงคลติดตัว ไปไหนผู้ใหญ่ท่านจะอุปถัมภ์ค้ำชู เดี๋ยวหน้าที่การงาน การเงินก็ตามมาเอง) อย่างไรสำคัญห้ามนำ เอาอักษรในวรรคกาลกิณีมาใช้ในการตั้งชื่อครับ กล่าวคือ

เด็กที่เกิดวันอาทิตย์
เด็กที่เกิดวันจันทร์
เด็กที่เกิดวันอังคาร
เด็กที่เกิดวันพุธกลางวัน
เด็กที่เกิดวันพฤหัสบดี
เด็กที่เกิดวันศุกร์
เด็กที่เกิดวันเสาร์
เด็กที่เกิดวันราหูหรือพุธกลางคืน
ห้ามใช้อักษร
ห้ามใช้อักษร
ห้ามใช้อักษร
ห้ามใช้อักษร
ห้ามใช้อักษร
ห้ามใช้อักษร
ห้ามใช้อักษร
ห้ามใช้อักษร
ศ ษ ส ห ฬ ฮ
อ และสระทั้งหมด
ก ข ค ฆ ง
จ ฉ ช ซ ฌ ญ
ด ต ถ ท ธ น
ย ร ล ว
ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม

สำหรับครุฑนาม หรืออักษรประจำวันอาทิตย์นั้น ให้อนุโลมให้ใช้ ไม้หันอากาศ (-ั) และเครื่องหมายทัณฑฆาต (การันต์, -์) ได้ สำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์ซึ่งตรงกับอักษรวรรคกาลกิณี

เพื่อความสะดวก ผมได้สรุปเป็นตาราง โดยแบ่งอักษรตามวันเกิดให้กับคุณ ดังนี้

วันเกิด บริวาร อายุ เดช ศรี มูละ อุตสาหะ มนตรี กาลกิณี
อาทิตย์ อ อา อิ อี
อุ อู เอ โอ
ก ข ค
ฆ ง
จ ฉ ช
ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ณ
ด ต ถ
ท ธ น
บ ป ผ ฝ
พ ฟ ภ ม
ย ร ล ว ศ ส ษ
ห ฬ ฮ
จันทร์ ก ข ค
ฆ ง
จ ฉ ช
ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ณ
ด ต ถ
ท ธ น
บ ป ผ ฝ
พ ฟ ภ ม
ย ร ล ว ศ ส ษ
ห ฬ ฮ
อ อา อิ อี
อุ อู เอ โอ
อังคาร จ ฉ ช
ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ณ
ด ต ถ
ท ธ น
บ ป ผ ฝ
พ ฟ ภ ม
ย ร ล ว ศ ส ษ
ห ฬ ฮ
อ อา อิ อี
อุ อู เอ โอ
ก ข ค
ฆ ง
พุธ ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ณ
ด ต ถ
ท ธ น
บ ป ผ ฝ
พ ฟ ภ ม
ย ร ล ว ศ ส ษ
ห ฬ ฮ
อ อา อิ อี
อุ อู เอ โอ
ก ข ค
ฆ ง
จ ฉ ช
ซ ฌ ญ
พฤหัสบดี บ ป ผ ฝ
พ ฟ ภ ม
ย ร ล ว ศ ส ษ
ห ฬ ฮ
อ อา อิ อี
อุ อู เอ โอ
ก ข ค
ฆ ง
จ ฉ ช
ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ณ
ด ต ถ
ท ธ น
ศุกร์ ศ ส ษ
ห ฬ ฮ
อ อา อิ อี
อุ อู เอ โอ
ก ข ค
ฆ ง
จ ฉ ช
ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ณ
ด ต ถ
ท ธ น
บ ป ผ ฝ
พ ฟ ภ ม
ย ร ล ว
เสาร์ ด ต ถ
ท ธ น
บ ป ผ ฝ
พ ฟ ภ ม
ย ร ล ว ศ ส ษ
ห ฬ ฮ
อ อา อิ อี
อุ อู เอ โอ
ก ข ค
ฆ ง
จ ฉ ช
ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ณ
ราหู ย ร ล ว ศ ส ษ
ห ฬ ฮ
อ อา อิ อี
อุ อู เอ โอ
ก ข ค
ฆ ง
จ ฉ ช
ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ
ฑ ฒ ณ
ด ต ถ
ท ธ น
บ ป ผ ฝ
พ ฟ ภ ม
+-เลขศาสตร์
"เลขศาสตร์" เป็นศาสตร์ว่าด้วยตัวเลขที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถนำไปปรับใช้กับเลขที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราได้ เช่น เลขทะเบียนรถ หมายเลขโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น และรวมถึงการตั้งชื่อ ที่มีการถอดค่าตัวอักษรออกมาเป็นตัวเลขตามค่ากำลังดาว ดังนี้





-า
อำ

ฤา
-่
-ุ





เ-
แ-
-้
-ู




-๋





-ะ
โ-
-ั
-ิ









-ึ




ใ-



-ี
-ื
-๊





-็


ไ-
-์


ในการอ่านค่าที่ได้จากการคำนวณตามหลักเลขศาสตร์นั้นให้ แบ่งออกเป็น ๓ ส่วนเช่นเดียวกัน โดยมีอิทธิพลแตกต่างกัน ดังนี้
ชื่อตัวมีอิทธิพล 40% บ่งบอกพื้นดวงชะตา นิสัยใจคอ และโชควาสนา
นามสกุลมีอิทธิพล 20% บ่งบอกพื้นฐานวงศ์ตระกูล ทุนทรัพย์ กรรมเก่า
ชื่อตัว + นามสกุล มีอิทธิพล 40% บ่งบอกภาพรวมของชีวิต สุขทุกข์ ลาภยศ การงาน

ดังนั้นในการอ่านค่ากำลังดาวจากหลักเลขศาสตร์จำเป็นต้องพิจารณาถึงค่ากำลัง ดาวของชื่อตัว และผลรวมค่ากำลังดาวของชื่อตัว และนามสกุลเป็นสำคัญ หากพบว่าค่ากำลังดาวที่ได้นั้นเป็นเลขดีแต่มีส่วนเสียเพียงเล็กน้อย ก็ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนชื่อให้ยุ่งยาก ให้เลือกปรับแก้ไขที่ตนเอง และวิถีการดำเนินชีวิตก็เป็นพอครับ จุดสำคัญควรระวังเลขที่อันตราย มีผลทำให้เกิดอุบัติเหตุ และเคราะห์ภัยร้ายแรงมากกว่า เช่น เลข ๒๗ ๒๙ ๓๐ เป็นต้น

+อายตนะ 6
โบราณาจารย์กล่าวว่า "อายตนะ ๖" นั้นมีอิทธิพลที่ส่งผลถึงเจ้าชะตา โดยในทางธรรมะ อายตนะ แปลว่า เครื่องรู้และสิ่งที่รับรู้ อายตนะ ๖ จึงได้แก่ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นเครื่องรับรู้ รูป รส กลิ่น เสียง จิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก ของตัวเราเอง ซึ่งส่งผลต่อลักษณะจิตใจของเจ้าชะตา และความรู้สึกของบุคคลรอบข้างที่มีต่อเจ้าชะตา ซึ่งอายตนะ ๖ จะเป็นการถอดค่าตัวเลขจากกำลังพระเคราะห์ของดาวต่าง ๆ โดยใช้หลักการพื้นฐานเดียวกับหลักภูมิทักษา ดังนี้

ดาวอักษรประจำวันกำลังพระเคราะห์ค่าตัวเลข
อาทิตย์ อ และสระทั้งหมด (ยกเว้น -ั และ -์) *
จันทร์ ก ข ค ฆ ง ๑๕๑๕
อังคาร จ ฉ ช ซ ฌ ญ
พุธ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ๑๗๑๗
พฤหัสบดี บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม ๑๙๑๙
ศุกร์ ศ ษ ส ห ฬ ฮ ๒๑๒๑
เสาร์ ด ต ถ ท ธ น ๑๐๑๐
ราหู ย ร ล ว๑๒๑๒
* การคำนวณของบางตำราสระจะหมายถึงสระทั้งหมด แต่การคำนวณใน เราเลือกใช้สระเฉพาะ อะ, อา, อิ, อี, อุ , อู, เอ, โอ ครับ ซึ่งทำให้ค่าอายตนะ 6 อาจคำนวณออกมาไม่เท่ากันได้
เลขศาสตร์

.............................................................................


นามศาสตร์ขั้นสูง


ตุ๊กตาไขนาม

"ตุ๊กตาไขนาม" เป็นศาสตร์แขนงหนึ่งในโหราศาสตร์ของชนชาติมอญ ได้มีการปรับใช้กับการตั้งชื่อของไทยมาแต่โบราณกาล หลักการตั้งชื่อตามหลักตุ๊กตาไขนามนั้นจะพิจารณาจากปีเกิดเป็นสำคัญ และนำมาอักษรมาวางตำแหน่งบนตัวตุ๊กตาตามเกณฑ์ปีเกิด เพื่อทำนายลักษณะนิสัย และชะตาชีวิตทั่วไปครับ

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับตำแหน่งบนตัวตุ๊กตาไขนามกันก่อนครับ

ความหมายตามตำแหน่งของตุ๊กตา

หัว หมายถึง จุดสูงสุด ยอดเยี่ยม ความสำเร็จ ความอุดมสมบูรย์ ความดีงาม คิดมาก กังวล หมกหมุ่น เครียด
แขน หมายถึง ความสุขสงบ ความดี ความสะดวกสบาย ไม่ยุ่งยาก เฉื่อยชา เกียจคร้าน
เอว หมายถึง ขยันขันแข็ง มานะพยายาม รวดเร็วไม่อยู่นิ่ง ความไม่สบาย หาเรื่อง วุ่นวาย การเดินทางใกล้ ขาดความสงบ
ขา หมายถึง กระตือรือร้น ไม่นิ่งดูดาย อุปสรรค ปัญหาต่าง ๆ การเดินทางไกล การเปลี่ยนแปลงโยกย้าย สูญเสีย เดือดร้อน

ในการคำนวณปีเกิดเพื่อหาตำแหน่งดาวนั้น จะใช้ปีที่เป็นปีจุลศักราช (จ.ศ.) ของคุณ แล้วนำมาหารด้วย ๗ ได้เศษเท่าใด ให้นำมาวางไว้ที่ตำแหน่งขาขวาเป็นจุดเริ่มต้น หากหารได้ ๐ ได้ถือว่าเป็นเศษ ๗ ครับ

ตัวอย่าง
เจ้าชะตาเกิดเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. ๒๕๑๗ ตรงกับปีจ.ศ.
๑๓๓๖ นำ ๑๓๓๖ หารด้วย ๗ ได้เศษ
ให้นำ ๖ มาไว้ในตำแหน่งขาขวา ดังรูป

















การหาปีจุลศักราช (จ.ศ.)
๑. ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ จนถึงปัจจุบัน
     ถ้าเกิดเดือนมกราคม - ๑๕ เมษายน ให้นำปี พ.ศ. เกิดลบด้วย ๑๑๘๒
     ถ้าเกิด ๑๖ เมษายน - ธันวาคม ให้นำปี พ.ศ. เกิด ลบด้วย ๑๑๘๑
๒. ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๘๓ ย้อนหลังลงไป ให้นำปี พ.ศ. เกิดลบด้วย ๑๑๘๑


จากที่ได้กล่าวในหลักภูมิทักษา ดาวอัฏฐเคราะห์ หรือพระเคราะห์ทั้ง ๘ สามารถถอดออกเป็นตัวอักษรได้ดังนี้

ดาวพระเคราะห์ตัวอักษรเลข
ดาวอาทิตย์
ดาวจันทร์
ดาวอังคาร
ดาวพุธกลางวัน
ดาวพฤหัสบดี
ดาวศุกร์
ดาวเสาร์
ดาวราหูหรือพุธกลางคืน
อ และสระทั้งหมด
ก ข ค ฆ ง
จ ฉ ช ซ ฌ ญ
ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ
บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม
ศ ษ ส ห ฬ ฮ
ด ต ถ ท ธ น
ย ร ล ว








สำหรับหลักตุ๊กตาไขนามนั้น ให้จัดดาวราหู (๘) อยู่ในตำแหน่งเดียวกับดาวพุธ (๔) เพราะถือว่าเป็นพุธทั้งคู่ครับ

ในการอ่านความหมายของตุ๊กตาไขนามนั้น จะเลือกใช้เฉพาะตัวอักษรที่อ่านออกเสียงเท่านั้น เช่น

ปัญญาให้อ่านอักษรป - ญ
นิชาภัทรให้อ่านอักษรน - ช - ภ
ไหมทองให้อ่านอักษรม - ท
ณัฐดนัยให้อ่านอักษรณ - ด - น

จากนั้นจึงนำตัวอักษรที่ได้เป็นตัวแทนของดาวพระเคราะห์ ไปวางลงในตำแหน่งต่าง ๆ ของตุ๊กตา แล้วอ่านคำทำนาย

จากนั้นให้พิจารณาถึงดาวคู่มิตร คู่ศัตรู ซึ่งโบราณาจารย์ท่านได้แบ่งดาวออกเป็น ๒ ฝ่าย คือ

ดาวศุภเคราะห์ (เทพ) ได้แก่ ดาวจันทร์ (๒) ดาวพุธ (๔) ดาวพฤหัสบดี (๕) และดาวศุกร์ (๖)

ดาวบาปเคราะห์ (มาร) ได้แก่ ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวอังคาร (๓) ดาวเสาร์ (๗) และดาวราหู (๘)

สำหรับดาวคู่มิตร ได้แก่


ดาวอาทิตย์ (๑)กับดาวพฤหัสบดี (๕)
ดาวจันทร์ (๒) กับดาวพุธ (๔)
ดาวศุกร์ (๖)กับดาวอังคาร (๓)
ดาวเสาร์ (๗)กับดาวราหู (๘)


ดาวคู่ศัตรู ได้แก่


ดาวอาทิตย์ (๑)กับดาวอังคาร (๓)
ดาวพุธ (๔)กับดาวราหู (๘)
ดาวศุกร์ (๖)กับดาวเสาร์ (๗)
ดาวจันทร์ (๒)กับดาวพฤหัสบดี (๕)


นอกจากนั้นในแต่ละดวงดาวยังมีธาตุของตนเองอยู่ ได้แก่


ดาวอาทิตย์ (๑) กับ ดาวเสาร์ (๗)ธาตุไฟ
ดาวพฤหัสบดี (๕) กับ ดาวจันทร์ (๒) ธาตดิน
ดาวอังคาร (๓) กับ ดาวราหู (๘)ธาตลม
ดาวศุกร์ (๖) กับ ดาวพุธ (๔)ธาตุน้ำ


จึงสามารถจัดเป็นคู่มิตรธาตุ ได้แก่


ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวเสาร์ (๗)กับดาวอังคาร (๓) ดาวราหู (๘)
ดาวพฤหัสบดี (๕) ดาวจันทร์ (๒) กับดาวศุกร์ (๖) ดาวพุธ (๔)


และคู่ศัตรูธาตุ ได้แก่


ดาวอาทิตย์ (๑) ดาวเสาร์ (๗)กับดาวศุกร์ (๖) ดาวพุธ (๔)
ดาวพฤหัสบดี (๕) ดาวจันทร์ (๒) กับดาวอังคาร (๓) ดาวราหู (๘)


จะเห็นได้ว่าเมื่อนำตัวเลขจากค่ากำลังดาว
และค่าดาววาสนาที่คำนวณได้จากวิเคราะห์ตามดาวคู่มิตร คู่ศัตรู
แล้วก็จะทราบว่าชื่อนั้น ๆ มีคุณสมบัติ
หรืออิทธิพลของดวงดาวภายในชื่อที่สนับสนุน หรือขัดแย้งกัน

ตัวอย่าง
ปิยปราชญ์   ได้ค่ากำลังดาว ๓๖ และค่าดาววาสนาเท่ากับ

ประกอบด้วย ดาวอังคาร (๓) ดาวศุกร์ (๖) และดาวพุธ (๔)
มีดาวอังคาร (๓) และดาวศุกร์ (๖) เป็นดาวคู่มิตร

มีดาวศุกร์ (๖) และดาวพุธ (๔)
เป็นดาวธาตุเดียวกัน

ถือว่าเป็นชื่อที่อยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก


ดาววาสนาเป็น
ศาสตร์ขั้นสูงที่มีความละเอียดอีกระดับที่ต้องมีความเข้าใจเรื่องของดาว
เคราะห์ และธาตุในดวงดาว แต่ก็ไม่ยากเกินทำความเข้าใจครับ
สามารถใช้เสริมในการตั้งชื่อได้เป็นอย่างดีเช่นกัน
อังคะวิชา-มหาภูติ

"อังคะวิชา - มหาภูติ"
เป็นศาสตร์คล้ายกับศาสตร์ฮวงจุ้ยของจีน แต่เป็นศาสตร์ที่ใช้ในแถบสุวรรณภูมิ
โดยมีการประยุกต์ใช้กับการพยากรณ์ดวงชะตา รวมถึงการนำมาใช้ในการตั้งชื่อ
โดย เป็นการคำนวณปีเกิด จากนั้นวางตำแหน่งคล้ายหลักตุ๊กตาไขนาม ใช้ในการพยากรณ์แนวทางชีวิต และลักษณะนิสัย

ก่อนอื่นมาทำความรู้จักกับความหมายต่าง ๆ ของอังคะวิชา - มหาภูติกันก่อนครับ

ความหมายต่าง ๆ ของอังคะวิชา-มหาภูติ


ภังคะ หมายถึง ทิฐิ ความมั่นใจในตนเอง
ปูติ หมายถึง การเปลี่ยนแปลง การเดินทาง ไม่หยุดนิ่ง
ขุมทรัพย์ หมายถึง สินทรัพย์ ความขยันขันแข็ง ความอดทน
มรณะ หมายถึง อนิจจัง ความไม่แน่นอน ปาฏิหารย์ สิ่งศักสิทธิ์
อธิบดี หมายถึง ความรอบรู้ ไหวพริบ การเจรจา ความตื่นตัวต่อการเปลี่ยนแปลง
ราชา หมายถึง ความสามารถ สติปัญญา ความโดดเด่น
ธงชัย หมายถึง ชัยชนะ ความมีชื่อเสียง ความพิถีพิถัน


ในการคำนวณปีเกิดเพื่อหาตำแหน่งดาว
นั้น จะใช้ปีที่เป็นปีพุทธศักราช (พ.ศ.) ของคุณ แล้วนำ ๓ ตัวท้ายมาหารด้วย ๗
ได้เศษเท่าใด ให้นำมาวางไว้ที่ตำแหน่งภังคะเป็นจุดเริ่มต้น หากหารได้ ๐
ได้ถือว่าเป็นเศษ ๗ ครับ
ทั้งนี้การเลือกใช้ปีให้คำนึงถึงการเปลี่ยนจุลศักราชด้วย กล่าวคือ
หากเกิดก่อนการเปลี่ยนจุลศักราช คือ ๑๕ เมษายน ให้ลบ ๑ ก่อน จึงนำไปหารด้วย๗
ตัวอย่าง
เจ้าชะตาเกิดเดือนพฤศจิกายน ปีพ.ศ. ๒๕๑๗นำ ๕๑๗ หารด้วย ๗ ได้เศษ

ให้นำ ๖ มาไว้ในตำแหน่งภังคะ ดังตาราง



ภังคะปูติขุมทรัพย์มรณะอธิบดีราชาธงชัย


สำหรับหลักอังคะวิชา - มหาภูตินั้น ให้จัดดาวราหู (๘) อยู่ในตำแหน่งเดียวกับดาวพุธ (๔) เพราะถือว่าเป็นพุธทั้งคู่ครับ

ในการอ่านความหมายของอังคะวิชา - มหาภูตินั้น จะเลือกใช้เฉพาะตัวอักษรที่อ่านออกเสียงเท่านั้น เช่น

ปัญญาให้อ่านอักษรป - ญ
นิชาภัทรให้อ่านอักษรน - ช - ภ
ไหมทองให้อ่านอักษรม - ท
ณัฐดนัยให้อ่านอักษรณ - ด - น


จากนั้นจึงนำตัวอักษรที่ได้เป็นตัวแทนของดาวพระเคราะห์ ไปวางลงในตำแหน่งต่าง ๆ ของอังคะวิชา - มหาภูติแล้วอ่านคำทำนาย


ตัวอย่าง

ปิยปราชญ์ มีเศษ ๖ จากการคำนวณปีเกิด

ปิยปราชญ์ อ่านค่าอักษรได้ ป - ย - ป

เป็นอักษรตัวแทนของ ดาวพฤหัสบดี (๕)
เป็นอักษรตัวแทนของ ดาวราหู (๘) หรือ (๔) ในหลักอังคะวิชา - มหาภูติ
เป็นอักษรตัวแทนของ ดาวพฤหัสบดี (๕)


ตำแหน่งของชื่อ ปิยปราชญ์ จะทำนายจาก "ธงชัย" ไปสู่ "ราชา" และเลื่อนไปสู่ "ธงชัย"

สามารถทำนายได้ว่า

"เป็นผู้ที่มีสติปัญญา ไหวพริบ พิ๔ีพิถันในการแต่งกาย รู้จักเข้าสังคม มีระเบียบกฎเกณฑ์ในการจัดการสิ่งต่าง ๆ รอบตัว "
อังคะวิชา - มหาภูติ
เป็นศาสตร์ขั้นสูงที่มีความคล้ายกับหลักตุ๊กตามอญ
และภูมิทักษาที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่ไม่มีการห้ามใช้อักษรกาลกิณี
ทั้งนี้การอ่านความหมายจะบ่งบอกบุคลิก นิสัย
และแนวทางการดำเนินชีวิตไปตามตำแหน่ง
ผสม กับลักษณะของดาวพระเคราะห์ที่เรียงต่อเนื่องกันไป
ผูกดวงลัคนา

การผูกดวงทางโหราศาสตร์ไทย หรือการ "ผูกดวงลัคนา"
ถือเป็นศาสตร์ชั้นสูงของโหราศาสตร์ไทย
และถือว่าการตั้งชื่อโดยอาศัยการวางดวงทางโหราศาสตร์ไทยเป็นเคล็ดลับสุดยอด
ของการตั้งชื่อตามหลักโหราศาสตร์ ซึ่งโบราณาจารย์ทั้งหลายได้กล่าวไว้ว่า
หากผูกดวงชะตาแล้วปรากฏดาวพระเคราะห์ที่เป็นกาลกิณีกุมลัคน์ หรือเล็งลัคนา
ซึ่งจะให้โทษที่ร้ายแรงกับเจ้าชะตา ก็ให้ตั้งชื่อแก้เคล็ด
โดยการให้ดาวกาลกิณีที่เกาะกุม หรือเล็งลัคนาให้กลับกลายเป็นดาวศรีเสีย
เพื่อป้องกันความเลวร้ายของดาวกาลกิณีให้เบาบางลง หรือหมดสิ้นไป

จากที่กล่าวข้างต้น
หากผูกดวงชะตาแล้วพบว่าเป็นดวงชะตาที่เสีย คือ มีดาวกาลกิณีเกาะกุมลัคนา
คือ มีดาวกาลกิณีของวันเกิดอยู่ในราศีเดียวกันกับลัคนา หรือเล็งลัคนา คือ
มีดาวกาลกิณีอยู่ในราศีตรงกันข้ามกับลัคนา อีกกรณีหนึ่ง
ดาวกาลกิณีทับจันทร์กำเนิด คือ
มีดาวกาลกิณีอยู่ในราศีเดียวกันกับดาวจันทร์ในดวงชะตา อย่างใดอย่างหนึ่ง
โบราณาจารย์ท่านให้แก้ไขโดยการตั้งชื่อแก้เสียเพื่อให้ดาวร้ายได้ผ่อนลง
โดย ให้ใช้อักษรวรรคมูละของแต่ละวันเกิดนั้น ๆ มานำหน้าชื่อ ดวงชะตาที่ว่าร้ายมีโทษแรงก็จะบรรเทาลง ดวงชะตาที่เลวร้ายก็จะกลับกลายเป็นดี

ผมขอยกตัวอย่าง ดวงชะตาของ พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
ท่านเกิดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ. ๒๔๕๔ เวลา ๗.๒๔ น.
สามารถผูกดวงได้ดังนี้













ในดวงชะตาของท่านปรากฎดาวกาลกิณีของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี
คือ ดาวเสาร์ (๗) เกาะกุมลัคนาอยู่ ซึ่งให้โทษร้ายแรงยิ่งนัก
สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนี พระพันปีหลวง
(ผู้ให้กำเนิดการพยาบาล และการศึกษาพยาบาลของประเทศไทย)
พระองค์ท่านทรงมีความรอบรู้ทางโหราศาสตร์ ได้ทรงพิจารณาดวงชะตาของ
พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช ที่ผูกดวงขึ้นจึงได้ทรงพระราชทานนามให้ว่า "คึกฤกษ์"
แก้เคล็ดดวงชะตาให้ดีขึ้น โดยการใช้อักษร "ค"
ซึ่งเป็นอักษรมูละของผู้ที่เกิดในวันพฤหัสบดีมานำหน้าอักษรตัวอื่น ๆ
ก็เพื่อจะแก้ไขให้ดาวเสาร์ที่มีโทษร้างแรงในดวงชะตาบรรเทาโทษลดลง
แล้วให้กลับกลายเป็นศรี ดังจะเห็นได้จากดวงชะตาของ พล.ต. ม.ร.ว. คึกฤทธิ์
ปราโมช ผู้เป็นปราชญ์ของแผ่นดิน ไทย



......................................................
ดาววาสนา"ดาววาสนา" เป็นศาสตร์ที่อาศัยการคำนวณต่อเนื่องจากหลักเลขศาสตร์ ประกอบกับดาวคู่มิตร คู่ศัตรูในการทำนายบุคลิกลักษณะนิสัย


หลังจากที่ได้ค่ากำลังดาวจากหลักเลขศาสตร์แล้ว ให้นำมาหารด้วย ๘ ได้เศษเท่าใด ให้นำมาทำนาย หากหารได้ ๐ ได้ถือว่าเป็นเศษ ๘ ครับ
ตัวอย่าง
ปิยปราชญ์    ได้ค่ากำลังดาว ๓๖

นำ ๓๖ หารด้วย ๘ ได้เศษ

สามารถทำนายได้ว่า

"เจ้าชะตาเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา
หากพูดน้อยจะมีหลักการเหตุผล เข้ากับคนอื่นได้ง่าย คล่องแคล่ว
เหมาะกับการประกอบอาชีพด้านเทคโนโลยี และการสื่อสาร
ระมัดระวังเรื่องการเชื่อคนง่าย"

ตั้งชื่อดี ชีวิตมีความสุขความเจริญ


            ชื่อนั้น
เป็นสิ่งที่จะอยู่กับเราไปตลอดชีวิต ชื่อนั้นรวมเอาชีวิต
และจิตวิญญาณของตัวตนเราไว้อย่างผูกพันธ์ลึกซึ้ง เป็นสิ่งซึ่งแทนตัวเรา
และบ่งบอกถึงความเป็นตัวเรา 
           อก
จากการตั้งชื่อให้ถูกต้องตามอักษรที่ถูกโฉลกกับวันเกิดและดวงเกิดแล้ว
การคำนึงถึงหลักเลขศาสตร์ก็เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อย
เพราะเคยมีตัวอย่างอยู่เสมอว่า บางครั้งมีชีวิตที่ไม่ค่อยราบรื่น
ครั้นพอลองปรับเปลี่ยนชื่อใหม่ให้
เมื่อถอดเป็นตัวเลขมาบวกกันแล้วได้พลังเลขที่ดี ก็ปรากฏว่า
มีชีวิตราบรื่นขึ้นมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด
           ริงอยู่ที่ ว่าชื่อนั้น พ่อ-แม่ตั้งให้เราตั้งแต่อ้อนแต่ออกย่อมเป็นมงคลแก่ ตัว
           ดัง
นั้นแม้ชื่อจะมีตัวอักษรกาลกิณีอยู่บ้าง
และบวกเลขรวมออกมาแล้วได้จำนวนเลขไม่ดีนัก แต่ถ้าชีวิตคุณมีความสุขดี
มีความเจริญก้าวหน้าตามสมควร
เช่นนี้ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนชื่อใหม่
          วาม
ทุกข์และอุปสรรคเล็กๆ น้อยๆ
ในชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่ต้องยอมรับและแก้ไขกันไปชื่อที่ดีมิได้จะหมายความว่า
สามารถบันดาลให้ชีวิตมีแต่ความสุขความสำเร็จจนปราศจากความทุกข์ใดๆ เลย
           แต่ถ้าชะตาชีวิตที่ผ่านมา ประสบปัญหาและความผิดหวังอยู่
ทุกระยะจนแทบจะหาความสุขความเจริญไม่ได้เลยนั้น
ก็ไม่เห็นเป็นเรื่องเสียหายที่จะลองปรับเปลี่ยนชื่อดูใหม่ให้ถูกกับหลักการ
ตั้งชื่อ
ซึ่งเป็นศาสตร์โบราณที่เหล่านักปราชญ์ราชบัณฑิตคิดค้นไว้แต่บุร่ำบุราณ
และเป็นที่ยอมรับเชื่อถือกันมานานว่า
ชื่อดีนั้นส่งผลดลให้ชีวิตมีความสุขความเจริญได้จริง




blog hit counter